คำเทศนาเรื่อง การช่วยกู้มาจากพระเจ้า

สภษ.11:4 ความมั่งคั่งไม่อำนวยกำไรในวันทรงพระพิโรธ แต่ความชอบธรรมช่วยกู้ให้พ้นความมรณา

            ภายหลังจากที่ผมได้ไปตรวจสุขภาพร่างกายเมื่อ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาที่ รพ.เปาโลเกษตร ก็พบว่าผมมีวิกฤตอยู่ 2 เรื่องด้วยกันเรื่องแรกคือ Trigesaride ที่เกินมาตรฐาน มาตรฐานอยู่ที่ 150 แต่ของผมอยู่ที่ 1300 กว่าๆ คุณหมอถามผมว่าลุงยังยินอยู่ได้อย่างไร เรื่องที่ 2 คือ ภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันในห้องใดห้องหนึ่ง ซึ่งหมอที่ รพ.เปาโลเกษตร ก็แนะนำให้ผมกลับมาใช้สิทธิที่ รพ.สมเด็จฯ ที่ รพ.สมเด็จฯ ก็ส่งผมต่อไปรักษาต่อที่ รพ.สมุทรสาคร เหตุเพราะที่ รพ.สมเด็จฯ ไม่มีหมอเฉพาะทาง             ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกขั้นตอนในแต่ละโรงพยาบาลนั้นถือว่าราบรื่นและไวเกินคาด ทั้งหมดผมจ่ายส่วนต่างไปเพียงแค่ 1000 กว่าบาท เท่านั้นเอง ทำให้ผมคิดถึงพระคำของพระเจ้าใน สภษ.11:4 พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ความมั่งคั่งทางด้านวัตถุหรือการมีซึ่งทรัพย์สินเงินทองยื้อชีวิตของเราเอาไว้ไม่ได้ แต่ความชอบธรรมในทางของพระเจ้านั้นช่วยให้เรารอดพ้นจากความพินาศและความตายได้

          ซึ่งนั่นหมายความว่า “ความชอบธรรม” เป็นสิ่งที่สำคัญมากหรือไม่ในการเดินกับพระเจ้า ? เป็นสิ่งที่สำคัญมากยิ่งในชีวิตคริสเตียน ซึ่งนั่นหมายความว่า พระเจ้าจะทรงช่วยเหลือหรือช่วยกู้เรา ผ่านความชอบธรรมในการดำเนินชีวิตนั่นเอง

          การช่วยกู้ คือ ช่วยให้เราพ้นจากสภาพวิกฤต เช่น เมื่อเรือล่ม ต้องมีการกู้เรือขึ้นมา , ถ้ารถติดหล่ม ก็ต้องมีการกู้รถขึ้นมา ชีวิตคนก็เช่นเดียวกันที่ย่อมมีบางช่วงเวลาที่ตกต่ำหรือล้มลง ช่วงเวลานั้นแหละที่พระเจ้าจะเข้ามาช่วยเหลือหรือช่วยกู้ชีวิตของเรา

          ซึ่งนั่นหมายความว่า การช่วยกู้ของพระเจ้าเกิดขึ้นเมื่อมีภัยเข้ามาสู่ชีวิตของเรา ประการที่สำคัญคือคนๆนั้นต้องเป็นคนชอบธรรมด้วยเขาถึงจะได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้า

          พี่น้องจำได้ไหมครับว่า กษัตริย์ได้ตกต่ำหรือล้มลงในความบาปในเรื่องของนางบัทเชบา แต่เมื่อกษัตริย์ดาวิดได้สารภาพบาปนั้นต่อพระเจ้าและกัตริย์ดาวิดไม่คิดที่จะทำในเรื่องการล่วงประเวณีนั้นอีก

พระเจ้าทรงถือว่ากษัตริย์ดาวิดนั้นชอบธรรมและความชอบธรรมนั้นเป็นเหตุทำให้พระเจ้าทรงช่วยเหลือหรือช่วยกู้กษัตริย์ดาวิดในหลายครั้งหลายหน Ex.เช่น

2 ซมอ.22:1-2 เมื่อพระเจ้าทรงช่วยกู้ดาวิดให้พ้นจากมือของศัตรูทั้งสิ้นของพระองค์ท่าน และให้พ้นจากพระหัตถ์ของซาอูล ดาวิดก็ถวายถ้อยคำของเพลงบทนี้แด่พระเจ้า 2 พระองค์ท่านตรัสว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระศิลา ป้อม ปราการ และผู้ช่วยกู้ของข้าพเจ้า

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ดาวิดนั้นถูกติดตามหมายเอาชีวิตจากกษัตริย์ซาอูล แต่พระเจ้าทรงช่วยให้ดาวิดนั้นรอดพ้นจากการทำลายของศัตรู ด้วยเหตุนี้ดาวิดจึงแต่งบทเพลงถวายแด่พระเจ้า

สดด.140:7 ข้าแต่พระเจ้า ผู้ช่วยกู้เข้มแข็งของข้าพระองค์พระองค์ทรงคลุมศีรษะข้าพระองค์ไว้ในยามศึก

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ในยามที่กษัตริย์ดาวิดออกรบทำศึกสงคราม พระเจ้าก็ทรงช่วยท่านให้พ้นภัยจากศัตรู เช่นเดียวกันพี่น้องที่รัก ถ้าเราชอบธรรมพระเจ้าก็จะทรงช่วยกู้เราได้หมดในทุกๆสถานการณ์ของชีวิต

คำถามเราชอบธรรมด้วยการกระทำความดีใช่หรือไม่ ?

รม.4:22-24 ด้วยเหตุนี้เอง พระเจ้าทรงถือว่า ความเชื่อของท่านเป็นความชอบธรรมของท่าน 23 แต่คำว่า “ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมของท่าน” นั้น มิได้เขียนไว้สำหรับท่านแต่ผู้เดียว 24 แต่สำหรับพวกเราด้วย จะทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม คือเราที่เชื่อในพระองค์ ผู้ทรงให้พระเยซูเจ้าของเราให้ฟื้นขึ้นจากความตาย

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า “ผู้ชอบธรรม” ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า เป็นผู้ที่ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนเลยถึงจะเรียกว่าผู้ชอบธรรม เป็นไปได้ไหมครับว่าจะไม่มีมนุษย์คนใดในโลกที่จะไม่เคยทำบาปเลย ?

แต่ถ้าเรากลับใจใหม่ด้วยการสารภาพบาปอีกทั้งบังเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์เจ้า พระเจ้าทรงประกาศว่าคนนี้แหละเป็นผู้ชอบธรรม

เมื่อเราเป็นผู้ชอบธรรมผ่านความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้เชื่อซึ่งเวลานี้เป็นผู้ชอบธรรมแล้วก็ควรทำในสิ่งที่ชอบธรรมเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วย

          เมื่อเราเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว คำถามคือว่า เราควรที่จะมาแสวงหาการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้จากพระเจ้าได้ที่ไหน ?

          สดด.20 :1-2 ขอพระเจ้าทรงตอบท่านในวันยากลำบาก พระนามของพระเจ้าแห่งยาโคบพิทักษ์รักษาท่าน 2 ขอพระองค์ทรงให้ความช่วยเหลือมาจากสถานนมัสการและให้ความสนับสนุนท่านมาจากเมืองศิโยน

เมื่อเราเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว พระคำของพระเจ้าบอกกับเราอย่างชัดเจนว่า เราควรที่จะมาแสวงหาการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้จากพระเจ้าในเมืองศิโยน ซึ่งเล็งถึง สถานนมัสการหรือในคริสตจักรของพระเจ้า

คำถามคือว่า ทำไมถึงต้องมาแสวงหาการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้จากพระเจ้าในสถานนมัสการ ?

มธ.16:18-19 ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร {ภาษากรีกว่า เปโตร} และบนศิลา {ภาษากรีกว่า เปตรา} นี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้ 19 เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย”

เพราะคริสตจักรได้รับกุญแจสวรรค์จากพระเจ้า ที่สามารถจะเปิดและปิดพระพรสำหรับผู้เชื่อได้ ดังนั้นการนมัสการอย่างถูกต้องในคริสตจักรต้องนมัสการอย่างไรครับ ?

ยน.4:23-24 แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้วและบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ 24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”

พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า การนมัสการอย่างถูกต้องคือ ต้องนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง ไม่ใช่มานมัสการเพราะเป็นหน้าที่ ไม่ใช่นมัสการด้วยลำดับขั้นตอนหรือวิธีการ และไม่ใช่การที่ผู้นำนมัสการ นำที่ประชุมร้องเพลงนมัสการ แต่ผู้นำนมัสการจะต้องนำที่ประชุมนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริงซึ่งจะทำให้เรานั้นได้รับการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้จากพระเจ้าได้

ยิ่งเรารวมตัวนมัสการพระเจ้าด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากเท่าไหร่ พลังแห่งการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้คนของพระเจ้าก็จะมีมากขึ้น

Ex. เช่น กจ.12 : 5-11พี่น้องจำได้ไหมครับ ? ที่กษัตริย์เฮโรด จับเปโตรขังคุก แต่ว่าผู้เชื่อได้มารวมตัวกันอธิษฐานที่คริสตจักร ผลของการที่ผู้เชื่อมารวมตัวกันอธิษฐานเผื่อเปโตรที่คริสตจักร พระเจ้าจึงส่งทูตสวรรค์ไปช่วยเปโตรให้ออกมาจากคุก

Ex. เช่น กจ.16:25-26 ที่เปาโลกับสิลาสถูกจับคุมขังอยู่ในคุก พอเวลาเที่ยงคืนทั้ง 2 คนพากันนมัสการสรรเสริญพระเจ้า ในทันใดนั้นเกิดแผ่นดินไหว รากคุกสะท้านสะเทือนและประตูทุกบานถูกเปิดออกหมดทุกบาน เครื่องจองจำก็หลุดจากสิ้นทุกคน

คำถามที่น่าสนใจนั่นก็คือว่า การช่วยเหลือและการช่วยกู้นอกจากที่สถานนมัสการพระเจ้าแล้วยังมาจากที่ไหนได้อีก ?  

ปฐก.12:8 อับรามย้ายไปจากที่นั่น มาถึงภูเขาทางทิศตะวันออกของเมืองเบธเอล จึงตั้งเต็นท์อยู่ที่นั่นให้เมืองเบธเอลอยู่ทางทิศตะวันตกและเมืองอัยอยู่ทิศตะวันออก ส่วนท่านสร้างแท่นบูชาพระเจ้าที่นั่นและนมัสการออกพระนามพระเจ้า

          พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า อับราฮัมไปที่ไหนเขาจะสร้างแท่นบูชา เผาถวายเครื่องบูชาและนมัสการพระเจ้า ซึ่งนั่นหมายความว่า อับราฮัมยกพระเจ้าสูงสุด เป็นเอกเป็นหนึ่งในชีวิต

แต่ในพระคัมภีร์ใหม่ พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า ให้เรานั้นถวายตัวของเราแด่พระเจ้า ซึ่งมีความหมายเดียวกันกับในพระคัมภีร์เดิม นั่นก็คือ ให้เรายกพระเจ้าสูงสุดในชีวิต ให้พระเจ้าเป็นเอกเป็นหนึ่งในชีวิต เมื่อเราให้พระเจ้าก่อน ยามที่เรามีปัญหา พระเจ้าก็จะให้เราก่อนเช่นกัน

“การช่วยเหลือและการช่วยกู้” นอกจากที่สถานนมัสการพระเจ้าแล้วยังมาจากที่ไหนได้อีก ? สดด.91:1-10  

1 ผู้ที่อาศัยอยู่ณที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด ผู้อยู่ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ 2 จะทูลพระเจ้าว่า “ที่ลี้ภัยของข้าพระองค์และป้อมปราการของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ” 3 เพราะพระองค์จะทรงช่วยกู้ตัวท่านจากกับของพรานนก และจากโรคภัยอย่างร้ายแรงนั้น 4 พระองค์จะทรงปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์ และท่านจะลี้ภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ ความสัตย์สุจริตของพระองค์เป็นโล่และเป็นดั้ง 5 ท่านจะไม่กลัวความสยดสยองในกลางคืน หรือกลัวลูกธนูที่ปลิวไปในกลางวัน

6 หรือโรคภัยที่ไล่มาในความมืด หรือโรคซึ่งทำลายในเที่ยงวัน 7 พันคนจะล้มอยู่ที่ข้างๆ ท่าน หมื่นคนที่มือขวาของท่าน แต่ภัยนั้นจะไม่มาใกล้ท่าน 8 ท่านจะมองดูด้วยตาเท่านั้น และเห็นการตอบแทนแก่คนอธรรม 9 เพราะท่านได้กระทำให้พระเจ้าผู้เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า คือองค์ผู้สูงสุด เป็นที่อยู่ของท่าน 10 ไม่มีการร้ายใดๆ จะตกมาบนท่าน ไม่มีภัยมาใกล้เต็นท์ของท่าน

          สดด.91:1-10 โดยเฉพาะข้อที่ 1 บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า การช่วยเหลือช่วยกู้จากพระเจ้ามาจากผู้ที่ติดสนิทกับพระเจ้า คำถามที่พี่น้องไม่ต้องตอบผม แต่ให้ตอบตัวพี่น้องเองนั่นก็คือ พี่น้องติดสนิทกับพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน ?

          “การช่วยเหลือและการช่วยกู้” นอกจากที่สถานนมัสการพระเจ้าแล้วยังมาจากที่ไหนได้อีก ? สดด.91:14-16

          14 เพราะเขาผูกพันกับเราด้วยความรัก เราจะช่วยกู้เขา เราจะป้องกันเขาไว้ เพราะเขารู้จักนามของเรา 15 เมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก เราจะช่วยเขาให้พ้นและให้เกียรติเขา

16 เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา

พระคำของพระเจ้าในข้อที่ 14-16 บอกกับเราว่า การช่วยเหลือหรือการช่วยกู้มาจาก ความรักความผูกพัน ที่เรามีต่อพระเจ้า

ประการที่สำคัญคือ พระเจ้าองค์นี้เป็นพระเจ้าที่ไม่ได้ทอดพระเนตรพี่น้องที่ภายนอก แต่พระเจ้าองค์นี้เป็นเจ้าที่ทอดพระเนตรพี่น้องจากภายใน

ประการที่สำคัญอีกประการหนึ่งพระองค์เป็นองค์สัพพัญญูญาณ พระองค์รู้ว่าโดยแท้จริงแล้วนั้น พี่น้องรักพระองค์มากน้อยแค่ไหน พี่น้องเข้ามาหาพระองค์เพราะอยากได้ประโยชน์หรืออยากได้รับการอวยพรจากพระองค์ และเมื่อได้รับคำตอบแล้วพี่น้องจะชิ่งจากพระองค์หรือจะไม่ชิ่งจากพระองค์

ดังนั้นการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้มาจากการที่เราอยู่ภายใต้เงื่อนไขของพระองค์หรือไม่ ถ้าเราอยู่ในเงื่อนไขการช่วยเหลือหรือการช่วยกู้ของพระเจ้าจะติดตามตัวเราเสมอ

สดด.37:23-26 ถ้าพระเจ้าทรงนำย่างเท้าของมนุษย์คนใด และคนนั้นพอใจในมรรคาของพระองค์ 24 แม้เขาล้ม เขาจะไม่ถูกเหวี่ยงลงเหยียดยาวเพราะว่าพระหัตถ์พระเจ้าพยุงเขาไว้ 25 ข้าพเจ้าเคยหนุ่ม และเดี๋ยวนี้แก่แล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง หรือลูกหลานของเขาขอทาน 26 เขาแจกจ่ายอย่างกว้างขวางและให้ยืมเสมอ และลูกหลานของเขาก็เป็นคำพร

          พระคำของพระเจ้าบอกกับเราว่า การช่วยเหลือหรือการช่ยกู้มาจากผู้เชื่อที่สมัครใจและเต็มใจในการที่จะเดินตามมรรคาของพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าองค์นี้ไม่เคยฝืนใจใคร ถ้าเราเต็มใจที่จะเดินตามแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า การช่วยเหลือหรือการช่วยกู้รวมไปถึงพระพรอีกมากมายจะไปถึงผู้เชื่อคนนั้นและครอบครัวเขาอย่างแน่นอน

          สรุปพระคำของพระเจ้าในเช้าวันนี้ เมื่อเราต้องเผชิญกับวิกฤตแห่งปัญหาและถ้าเราต้องการความช่วยเหลือหรือการช่วยกู้จากพระเจ้า เราก็ควรที่จะทำตามเงื่อนไขของพระองค์ นั่นคือ

เป็นผู้ชอบธรรม รักษาความชอบธรรม มีชีวิตที่ติดสนิทผูกพันตัวกับพระเจ้าอีกทั้งดำเนินชีวิตด้วยความพึงพอใจในมรรคาของพระเจ้า เราจะเห็นถึงการช่วยเหลือและการช่วยกู้จากพระเจ้าอย่างแน่นอน

Tags:

Comments are closed